ดาวรุ่งดวงใหม่แห่งวงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ซึ่งบริหารธุรกิจโดยใช้ความยืดหยุ่นเพื่อรับความเปลี่ยนแปลง
Managing Director
Pitchakorn Meesak (Jarn)
ทั้งการขยายเส้นทางของรถไฟฟ้าทั้ง BTS และ MRTและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ ทำให้มีโครงการที่จับมือกับดีเวลลอปเปอร์สัญชาติญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้จะถูกมองว่าเป็นตลาดที่อาจจะใกล้ถึงภาวะโอเวอร์ซัพพลายแล้ว แต่ก็มีบริษัทเปิดใหม่อย่าง Bridge Estate ซึ่งเปิดเมื่อปีที่แล้วเข้ามาลงแข่งขันในตลาดด้วย และคราวนี้เราก็มีโอกาสถามเรื่องราวต่างๆ กับ Managing Director คุณพิชชากรซึ่งเป็นผู้นำของบริษัทแห่งนี้
บริษัทดำเนินกิจการมาจะครบรอบ 1 ปีแล้ว
ใช่ค่ะ ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเมื่อเดือนมกราคม 2019 ก็ครบ 1 ปีแล้ว บริษัทของเราเป็นบริษัทที่ SC Asset ออกทุนก่อตั้งขึ้นมา โดยดำเนินกิจการด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเน้นลูกค้าระดับไฮเอ็นด์ในกรุงเทพฯเป็นหลัก
เนื่องจากเล็งเห็นว่ามีความต้องการของตลาดด้านนี้อยู่มาก เราจึงเห็นโอกาสทางธุรกิจที่จะเป็นตัวกลางระหว่างดีเวลลอปเปอร์ในไทยกับลูกค้าต่างชาติ และชื่อของบริษัท ‘Bridge Estate’ ก็ได้แฝงความหมายถึงการเชื่อมต่อสายสัมพันธ์นั้นด้วย
หลายๆ ท่านอาจจะทราบดีแล้วว่า ในประเทศไทยมีดีเวลลอปเปอร์สัญชาติญี่ปุ่นเข้ามาทำธุรกิจในไทยโดยที่จับมือร่วมกับบริษัทไทย สร้างโครงการคอนโดมิเนียมเป็นจำนวนมากกว่าประเทศอื่นๆ
ทางบริษัทเราก็มีส่วนร่วมกับโครงการใหม่ๆ อย่างเช่น สร้างโอกาสโดยการจับคู่ธุรกิจให้บริษัทเหล่านั้น เราเองก็ยังเป็นบริษัทหน้าใหม่ การทำธุรกิจจึงต้องเน้นความยืดหยุ่น และใช้ความรู้ประสบการณ์กว่า 10 ปีในวงการนี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์สูงสุด
สำหรับ ‘BEATNIQ Sukhumvit 32’ ซึ่งตั้งอยู่ในย่านทองหล่อก็มีความเกี่ยวข้องกับบริษัท
ที่ผ่านมาบริษัทของเราได้เป็นตัวแทนให้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ 7 แห่งด้วยกัน และหนึ่งในจำนวนนั้นก็มี ‘BEATNIQ Sukhumvit 32’ ซึ่งเป็นตึกคอนโดมิเนียมสูงริมถนนสุขุมวิท
ด้วยทำเลที่ตั้งในย่านทองหล่อจึงถูกออกแบบมาให้มีความหรูหรา สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในอาคารก็ออกแบบมาให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนญี่ปุ่น แต่ละห้องมีอ่างอาบนํ้าและสุขภัณฑ์แบบวอชเล็ทเป็นมาตรฐาน
แม้จะเป็นตึกที่ออกแบบใหม่มีความทันสมัย แต่ก็มีความพิเศษตรงที่มีความสงบและสบายไม่เหมือนที่อื่น อีกทั้งยังมีส่วนของออนเซ็นกลางแจ้ง สวนระฟ้าซึ่งสามารถมองเห็นวิวแม่นํ้าเจ้าพระยา
สิ่งอำนวยความสะดวกดังกล่าวนี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นที่ชื่นชอบของคนญี่ปุ่นเท่านั้น แต่สำหรับคนไทยที่มีกำลังซื้อก็พึงพอใจเป็นอย่างมากเช่นกัน ที่สามารถทำได้ขนาดนี้ก็เป็นเพราะว่า บริษัทของเรามีทีมรีเสิร์ชรวบรวมข้อมูลจากหลายที่ทำให้สามารถพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้เข้ากับเทรนด์และไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายได้
คิดว่าตลาดในปัจจุบันและแนวโน้มต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร
ปัจจุบันมีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งที่อยู่อาศัยและย่านการค้าตามแนวรถไฟฟ้า แต่ก็ต้องยอมรับว่า ปัญหาเศรษฐกิจถดถอยภายในประเทศกำลังมีผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวม ทำให้ธุรกิจด้านนี้ไม่สดใสเหมือนที่ผ่านๆ มาอีกต่อไป แต่เราก็ไม่ได้โทษใคร
คิดว่าสิ่งที่สำคัญก็คือควรที่จะยืดหยุ่นและปรับตัวให้เข้ากับสภาพเศรษฐกิจแล้วพาตัวเองก้าวสู่ยุคต่อไปให้ได้
ยกตัวอย่างเช่น ในปัจจุบันนี้ไลฟ์สไตล์ของคนที่ไม่แต่งงาน ไม่มีลูกเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป การขายที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับคนกลุ่มนี้ อย่างการให้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงในคอนโดมิเนียมได้ ก็ยังนับว่าธุรกิจนี้ยังมีทางเลือกอีกมากมาย
อีกทั้ง ต่อไปในอนาคต ประเทศไทยก็จะเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ก็จะมีความต้องการที่อยู่อาศัยหรือที่พักเพื่อรองรับผู้สูงวัยมากขึ้น เพราะปัจจัยสี่ที่จำเป็นต่อมนุษย์ทุกคนมี อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค ที่อยู่อาศัยก็เป็นหนึ่งในนั้น ไม่สามารถตัดออกจากความต้องการของมนุษย์ได้ ดังนั้นเราจึงเชื่อว่าตลาดธุรกิจที่อยู่อาศัยก็จะไม่มีวันตายแน่นอนแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเทรนด์หรือรูปแบบไป
สิ่งที่ยึดมั่นในฐานะผู้ก่อตั้งกิจการคืออะไร
ไม่ท้อถอยกับความล้มเหลวที่เกิดขึ้น แต่ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ต้องพบเจอและการมองโลกในแง่ดีคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
หลังจากที่จบการศึกษาในไทยแล้วก็ไปเรียนต่อด้านการตลาดที่ประเทศอังกฤษ กลับมาก็เข้าทำงานในธุรกิจนี้ สิ่งที่เป็นเป้าหมายของชีวิตที่ทำมาตลอด ก็คือ‘‘ทำงานให้เป็นสถิติเสมอ’’
เช่น บริษัทที่เคยทำงานก่อนหน้านี้ก็ได้ตำแหน่งผู้บริหารที่อายุน้อยที่สุด เชื่อว่าการตัดสินใจทำงานอะไรโดยไม่ลังเล ก็จะทำให้สามารถทำได้ทุกอย่าง
แผนการจากนี้ไปในอนาคต
ก่อนอื่นเลย ในฐานะผู้บริหารคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความสุขของผู้ลงทุน ลูกค้า และพนักงาน
สำหรับผู้ลงทุนให้เรา เราก็อยากที่จะเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่ดี สามารถสร้างกำไรให้ได้ และการให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้าเป็นอันดับแรกก็สำคัญ ต้องดูแลตั้งแต่เริ่มมาติดต่อซื้อห้อง และยังต้องบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
สุดท้ายพนักงานของเราต้องทำงานได้อย่างมีความสุข ก็อยากจะรักษาสมดุลทั้งสามนี้เอาไว้ให้ดีที่สุด
เล่นโยคะเป็นงานอดิเรก ช่วยสร้างสมาธิและผ่อนคลายไปด้วย
065-050-5454
15th Fl., WeWork T1 Bldg., 8/2 Sukhumvit Soi 40, Khlong Toei, Bangkok 10110
www.bridgethailand.com
BEATNIQ Sukhumvit 32
เดินเพียง 5 นาทีจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ทองหล่อ เป็นคอนโดมิเนียม 34 ชั้น จำนวน 197 ห้อง สร้างเสร็จเมื่อปี 2019 เป็นคอนโดมิเนียมระดับไฮเอ็นด์ มีชาวญี่ปุ่นพักอาศัยอยู่กว่า 70%