กฎระเบียบในการส่งออกอาหาร
ไปยังประเทศสหรัฐอเมริกามีความเข้มงวดขึ้น
กฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงความปลอดภัยด้านอาหารให้ทันสมัยของประเทศสหรัฐอเมริกา (FSMA) เป็นกฎหมายที่ประกาศใช้ในปี พ.ศ. 2554 เพื่อยกระดับความปลอดภัยของอาหารในประเทศสหรัฐอเมริกา สิ่งนี้ได้เพิ่มอำนาจของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาในประเทศสหรัฐอเมริกา (FDA) รวมถึงมีการตรวจสอบเพิ่มขึ้นในโรงงานที่เกี่ยวข้องกับอาหารทั่วโลก เนื่องจาก FSMA มีผลบังคับใช้กับผลิตภัณฑ์อาหารทั้งหมดที่บริโภคในประเทศสหรัฐอเมริกา ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหารที่ส่งออกไปยังประเทศนี้จึงจำเป็นต้องปฏิบัติตาม FSMA กรณีที่อาหารนั้น ๆ ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของ FSMA ในอนาคตอาจถูกจำกัดการส่งออกโดยอำนาจของ FMA ได้
ผู้ประกอบการที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย
- ธุรกิจไทยและญี่ปุ่นที่ส่งออก (หรือกำลังพิจารณาส่งออก) สินค้าเกษตร ป่าไม้ ประมง และอาหารไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา
- ธุรกิจในประเทศสหรัฐอเมริกาที่นำเข้าสินค้าเกษตร ป่าไม้ ประมง และอาหารจากประเทศไทยและญี่ปุ่น
- หน่วยงานราชการหรือองค์กรที่สนับสนุนธุรกิจข้างต้น
คุณสมบัติโดยสังเขปของกฎพื้นฐาน 3 ข้อ
(※2) ฟาร์ม; สถานที่หรือการลงทุนในฟาร์มจากการปฏิบัติงานด้านการเกษตร เช่น การผลิต การเก็บเกี่ยว การบรรจุ การเก็บรักษา และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และสถานที่นอกภาคการเกษตรที่ปฏิบัติงานทางการเกษตรอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่เป็นผลผลิตทางการเกษตรจากฟาร์ม อย่างไรก็ตาม หากยอดขายสินค้าเกษตรเฉลี่ยไม่เกิน 25,000 ดอลลาร์สหรัฐจะได้รับการยกเว้นการบังคับใช้ รวมถึงมีการผ่อนผันสำหรับยอดขายอาหารเฉลี่ยไม่เกิน 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ การผลิตและแปรรูปส่วนใหญ่ที่ดำเนินการในฟาร์มจะไม่ใช้มาตรฐานความปลอดภัยในการผลิตสินค้าเกษตร แต่จะใช้มาตรการควบคุมเชิงป้องกันสำหรับอาหารมนุษย์ (PCHF)
(※3) เนื้อหาการวิเคราะห์และการตรวจสอบอันตรายจะแตกต่างกันไปตามกฎเกณฑ์ที่ใช้กับคู่ค้า ลักษณะของผลิตภัณฑ์ที่ซื้อ และอื่น ๆ โดยสามารถบันทึกเอกสารเป็นภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษได้ แต่ต้องส่งบันทึกและแปลเป็นภาษาอังกฤษตามคำร้องขอของอย. (FDA)
ความเข้าใจพื้นฐานของมาตรฐาน FSMA มาตรา 103
หลังจากมีการบังคับใช้มาตรฐาน FSMA แล้ว ข้อบังคับที่มีผลกระทบต่อธุรกิจเกี่ยวกับอาหารของไทยและญี่ปุ่นมากที่สุดคือมาตรา 103 ความว่า “ต้องปฏิบัติตามการวิเคราะห์อันตรายและการควบคุมป้องกันตามความเสี่ยง (HARPC)”
ก่อนการใช้กฎหมายการปรับปรุงความปลอดภัยด้านอาหาร | มาตรฐาน HACCP มีหน้าที่ควบคุมโรงงานผลิตและแปรรูปน้ำผลไม้และผลิตภัณฑ์ทางทะเล อย่างไรก็ตาม สถานที่ที่จดทะเบียนอื่น ๆ ไม่จำเป็นต้องมีการวิเคราะห์อันตรายและมาตรการควบคุมป้องกันอย่างมาตรฐาน HACCP |
ข้อบังคับใหม่ภายใต้มาตรา 103 ของกฎหมายการปรับปรุงความปลอดภัยด้านอาหาร |
Hazard Analysis and Risk-based Preventive Controls (HARPC)
ในกฎหมายการปรับปรุงความปลอดภัยด้านอาหารจะนำแนวคิดของมาตรฐาน HACCP มาใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงความปลอดภัยของอาหาร โดยวิธีการจัดการด้านสุขอนามัยที่เน้นการวิเคราะห์อันตรายและการจัดการป้องกันตามความเสี่ยงที่คล้ายกับ HACCP ก็จะถูกนำมาใช้สำหรับสถานประกอบการที่จดทะเบียนทั้งหมดเช่นกัน ※ยกเว้นบางกรณีที่ได้รับการยกเว้น |
รูปแบบการใช้มาตรฐาน FSMA
การตรวจสอบข้อบังคับด้วยโปรแกรม VQIP
เมื่อมีการส่งออกอาหารที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา โปรแกรม VQIP (โปรแกรมสมัครใจของผู้นำเข้าที่มีคุณสมบัติเหมาะสม) จะช่วยเร่งรัดขั้นตอนการตรวจสอบของศุลกากรเมื่อเข้าสู่ประเทศปลายทาง ทั้งนี้ กฎหมายการปรับปรุงความปลอดภัยด้านอาหาร มาตรา 302 มีการระบุบังคับใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อปี พ.ศ. 2554 โดยผู้ที่จะเข้าร่วมโปรแกรมนี้จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับการรับรองจากสถาบันรับรองโดยบุคคลที่สาม ซึ่งได้รับการรับรองภายใต้ระบบการตรวจสอบโดยบุคคลที่สามที่กำหนดไว้ในมาตรา 307
เรามีบริการตรวจสอบกฎข้อบังคับสำหรับ VQIP ในฐานะสถาบันรับรองโดยบุคคลที่สาม โดยร่วมมือกับ Perry Johnson Registrar Food Safety Inc. (PJRFSI) ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่ง PJRFSI ได้รับการรับรองเป็นแห่งแรกของโลกจากสถาบันมาตรฐานแห่งชาติอเมริกัน (ANSI) ภายใต้รับรองจาก FDA
เร่งการนำเข้าอาหารในประเทศสหรัฐอเมริกา
ผู้ผลิตและซัพพลายเออร์อาหารญี่ปุ่นจะต้องได้รับการตรวจสอบด้านข้อบังคับและรับรองจากสถาบันรับรองโดยบุคคลที่สามเพื่อเข้าร่วม VQIP ในการเร่งนำเข้าอาหารสู่ประเทศสหรัฐอเมริกา
เพิ่มโอกาสการทำการค้ากับผู้ประกอบการนำเข้า
ด้วยการตรวจสอบข้อบังคับและรับการรับรองนี้ ไม่เพียงแต่ได้สิทธิ์เข้าร่วม VQIP เท่านั้น แต่เนื่องจากบริษัทนำเข้าที่เข้าร่วม VQIP สามารถเลือกนำเข้าอาหารที่ผลิตในโรงงานที่ผ่านการรับรองได้ด้วย จึงมีโอกาสในการทำการค้ากับผู้นำเข้าอาหารได้มากขึ้น