“Japan Expo” เตรียมรุกคืบสู่ดินแดนใหม่ ภายใต้สโลแกน “Never stop doing”
ผู้บริหาร & CEO
ยุพเรศ เอกธุระประคัลภ์ (ยูริ)
“JAPAN EXPO THAILAND” (หรือ JAPAN EXPO) งานอีเว้นท์ซึ่งรวบรวมวัฒนธรรมญี่ปุ่นหลากหลายแขนงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียและกำลังเป็นที่จับตามองจากหลายๆ ประเทศ การันตีด้วยผู้ร่วมงาน 5 แสน 3 หมื่นคนตลอด 3 วันเต็ม และในครั้งนี้เราได้รับเกียรติมาสัมภาษณ์คุณยุพเรศ กรรมการผู้จัดการของบริษัท G-Yu Creative Co., Ltd. ผู้จัดงาน Japan Expo ที่กำลังจะจัดขึ้นอีกครั้งในเดือนมกราคมปีหน้านี้
ประวัติความเป็นมาของบริษัท
จุดเริ่มต้นที่ตั้งบริษัทเกี่ยวกับญี่ปุ่นก็คือเมื่อปี 1998 เราได้ก่อตั้งโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น “MAINICHI” ขึ้นเป็นครั้งแรก ตอนเด็กๆมีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นบ่อยๆเพราะคุณแม่เป็นคนที่ชื่นชอบญี่ปุ่นมาก เราเลยคิดว่า “ถ้าอยากพูดกับคนญี่ปุ่นให้รู้เรื่อง สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือภาษาญี่ปุ่น” ในยุคนั้นกระแส J-Pop และ J-Rock เป็นที่นิยมในหมู่คนไทยบ้างแล้ว แต่โรงเรียนที่เราสามารถเรียนภาษาญี่ปุ่นได้กลับมีน้อยมาก และเคยได้ยินใครสักคนพูดว่า “อยากจะร้องเพลงญี่ปุ่นเป็นภาษาญี่ปุ่นจริงๆ” มันเลยจุดประกายให้เราคิดอยากจะเปิดโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นขึ้นมา เรามีทั้งคอร์สสอนภาษาและบริการให้คำแนะนำการศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่น ในตอนแรกโรงเรียนคู่สัญญาของเรามีเพียงแค่ 2 แห่งเท่านั้น แต่ตอนนี้เพิ่มมามากถึง 100 แห่งแล้ว ทำให้ตัวเลือกของนักเรียนมีมากขึ้นกว่าเดิม
หลังจากนั้นก็เกิดความคิดว่าอยากจะสร้างอีเว้นท์ที่กลุ่มคนเรียนภาษาญี่ปุ่นและคนชอบญี่ปุ่นสามารถมารวมตัวกันได้ ปี 2005 เลยเกิด JAPAN FESTA ก่อนที่จะมาเป็น JAPAN EXPO ในปัจจุบัน แรกเริ่มเราจัดที่ลานของห้างฯ MBK จากนั้นก็เป็นสยามพารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ เรามีการปรับเปลี่ยนพื้นที่จัดงานตามจำนวนคนที่มาร่วมงานไปเรื่อยๆ พอเข้าสู่ครั้งที่ 10 ในปี 2014 เราอยากจะให้คนที่มาสามารถร่วมสนุกกับเราได้มากยิ่งขึ้นจึงกลายมาเป็นงาน JAPAN EXPO
เสน่ห์ของ JAPAN EXPO คืออะไร
เป็นงานที่แฟนญี่ปุ่นสามารถสัมผัสความเป็น “ญี่ปุ่นของจริง (Must Be Real Japan)” ในหลากหลายแขนง ทั้งนักร้อง นักแสดงตลกที่มีชื่อเสียงในประเทศญี่ปุ่น นอกจากนั้นยังมีโซนอาหารญี่ปุ่น แฟชั่น อนิเมะ คอสเพลย์ ท่องเที่ยว การศึกษา IT และอื่นๆอีกมากมายแบบครบรส ที่ผ่านมาเราไม่ได้อยากจะจัดงานที่เป็นแบบฟิวชั่นหรือผสมผสานอยู่แล้ว แต่เราพยายามจะจัดงานให้เหมือนจริงมาโดยตลอด อีกอย่างที่คิดว่าเป็นความพิเศษของ Japan Expo คือเป็นงานที่มีการ “Localize” หรือปรับเปลี่ยนให้เข้ากับคนไทยโดยมีเราที่เป็นคนไทยเป็นผู้จัดงาน การที่เราได้มาเป็นแกนนำหลักในการจัดงาน ทำให้บริษัทที่มาออกบูธและผู้มาร่วมงานได้รู้จักกันมากขึ้น และเพราะมีรองประธานบริษัทที่เป็นชาวญี่ปุ่นคอยช่วยเหลือในด้านของการประสานงานกับทางญี่ปุ่น รวมถึงคอยใส่ใจเรื่องการปรับให้เข้ากับคนไทยแต่ก็ยังรักษาความเป็นญี่ปุ่นแท้ๆเอาไว้ ถ้าไม่มีเขางานนี้ก็คงเกิดขึ้นไม่ได้ สำหรับชาวญี่ปุ่นที่อาจจะเห็นว่าเป็นงานเกี่ยวกับบ้านเกิดของตัวเองซึ่งน่าจะไม่มีอะไรน่าสนใจ หากมาที่งานนี้แล้วได้เห็นถึงเสน่ห์นั้นด้วยเราก็จะดีใจเป็นอย่างมาก
ปีหน้ามีสิ่งใหม่ๆ ที่อยากจะลองทำเต็มไปหมด
ธีมของงานในครั้งต่อไปเราตั้งใจให้เป็น “Infinite Future” ที่อยากพาทุกคนมุ่งไปสู่อนาคตแบบไม่มีขีดจำกัด จะไม่ใช่อีเว้นท์ที่จัดขึ้นแล้วจบไปเพียงแค่นั้น แต่เพราะมีงานนี้เลยทำให้เหล่าบริษัทและลูกค้าได้มีโอกาสมาพบกันและนำไปสู่โอกาสที่ดีต่อๆ ไป เราอยากจะให้เป็นงานที่สามารถต่อยอดต่อไปอีกได้เรื่อยๆ แต่สิ่งที่ยากยิ่งกว่านั้นก็คือ ขนาดของงานที่จัดมีขนาดใหญ่ขึ้นทุกปี นักแสดงที่อยากจะขอขึ้นแสดงบนเวทีของเราก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่พื้นที่ของเวทีและเรื่องของเวลาที่มีจำกัดมากทำให้ไม่สามารถที่จะให้ทุกคนขึ้นมาแสดงได้ นั่นคือสิ่งที่เราลำบากใจมาโดยตลอด ดังนั้นจากที่เคยจัดงานแสดงบนเวทีแค่วันที่ 2 และ 3 ในปีนี้เราจะจัดในวันแรกด้วย นอกจากเราจะสร้างโอกาสให้ได้มาพบกับแขกรับเชิญของเราแล้ว เรายังจะจัดงาน “มีท แอนด์ กรี๊ด (Meet and Greet)” เพื่อให้แฟนๆ ได้มีโอกาสพบปะแขกรับเชิญของเราได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้นอีกด้วย
นอกจากนั้น การได้สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบจริงๆนั้นถือเป็นไฮไลท์ของงาน Japan Expo เลยก็ว่าได้ สำหรับงานในปีหน้าเตรียมพบกับการแสดงพิเศษจากคณะนักเรียนไทยและคุณซาโดชิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ที่จะมาเดินขบวนพร้อมเต้นอะวะโอโดริกับกลุ่มนักเต้นจากจังหวัดโทคุชิมะ บอกเลยว่ายังไงก็ห้ามพลาดเด็ดขาด
เคล็ดลับของความสำเร็จในการจัดงานคืออะไร
การจัดงานอีเว้นท์เป็นสิ่งที่แม้ว่าเราจะเตรียมการมาดีแค่ไหน แต่ก็อาจจะเกิดปัญหาที่เราคาดไม่ถึงได้ตลอดเวลา หากเกิดขึ้นจริงเราก็ทำได้แค่หาวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ได้ และขอโทษทุกคนอย่างจริงใจ หลังจากงานจบเราก็จะมาแชร์วิธีการรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับสตาฟ ถึงแม้จะเกิดปัญหาก็ห้ามหนี หากเรามีทีมเวิร์คที่คอยช่วยเหลือกัน สุดท้ายแล้วแม้ว่าเรื่องจะเลวร้ายแค่ไหนเราก็จะสามารถผ่านมันไปได้ นี่เป็นสิ่งที่เรามักจะบอกกับสตาฟทั้ง 100 คนของเราเสมอ
ไม่ใช่เฉพาะแค่อีเว้นท์เท่านั้น ทุกๆครั้งมักจะมีจุดที่ต้องปรับปรุงเกิดขึ้นเสมอ ทุกๆปีเลยเกิดสิ่งใหม่ที่เราอยากจะลองทำขึ้นมาเรื่อยๆ หลายๆคนอาจจะมองว่า “แบบนี้ก็ดีแล้ว” แต่สำหรับเรายังคิดว่า “ยังหรอก” นอกจากนี้ หากเราเปลี่ยนกลุ่มสตาฟก็มักจะได้ไอเดียใหม่ๆเพิ่มมาเสมอ เราอาศัยประสบการณ์ที่เคยเจอตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงตอนนี้มาถ่ายทอดไปสู่สตาฟในแต่ละปีเพื่อนำสิ่งที่ดีที่สุดมาพัฒนาอีเว้นท์ให้ดีต่อๆไป แบบนี้เรียกว่า Never stop doing, Never ending our passion
สิ่งที่วางแผนเอาไว้ต่อจากนี้
งาน Japan Expo ของเรานอกจากจะมีจัดที่กรุงเทพฯแล้ว เรายังจัดที่กัวลาลัมเปอร์ด้วยซึ่งในปีนี้ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 มีผู้มางานมากถึง 1 แสนคนเลยทีเดียว ต่อไปเราก็อยากจะจัดที่ประเทศอื่นๆบ้างอย่างเช่น พม่า หรือลาว เพื่อให้คนที่ชื่นชอบญี่ปุ่นจากประเทศต่างๆ สามารถเข้าร่วมได้ แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ เราจำเป็นต้องหาพาร์ทเนอร์ที่เข้าใจกันได้ดี เพราะไม่ว่าจะที่ไหน เราก็อยากให้มีมาตรฐานคุณภาพที่เท่ากัน เราอยากจะจัดงานที่ทุกคนคิดว่า “หากชอบญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ ห้ามพลาดงาน Japan Expo เด็ดขาดเลยนะ”
ในการไปญี่ปุ่นในแต่ละครั้ง คุณยูริมักจะชอบนั่งรถไฟไปท่องเที่ยวในที่ต่างๆ (ล่าสุดก็ได้นั่งรถไฟตู้นอนสุดหรูอย่างรถไฟขบวนชิคิชิมะ)
G-Yu Creative Co., Ltd.
02-658-0555
7th Fl., Siam Piwat Tower,Param 1 Pathumwan 10330
http://gyucreative.com
แนวคิดของบริษัท :ออร์แกไนซ์เซอร์ที่บริการจัดงานอีเว้นท์ที่เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นแบบครบวงจรทั้งวางแผน ประสานงาน ดำเนินการ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีบริษัทในเครืออื่นๆเช่น โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น “MAINICHI” และ “Hub for Harmony” ที่นำเสนองานคอนเทนต์ต่างๆ ให้กับประเทศพม่า
JAPAN EXPO THAILAND 2019