「การทำให้พนักงานทั้งบริษัทเป็นนํ้าหนึ่งใจเดียวกันคือหน้าที่ของผม」
《โปรไฟล์》
ผู้บริหาร
Yamashita Shin
■เกิดเมื่อปี 1971 ที่โตเกียว ในปี 1994 หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Nihon แล้วจึงเข้าทำงานในบริษัท Kintetsu Express แผนกบริหารจัดการสินค้านำเข้า เคยมาดูงานและรับตำแหน่งประจำประเทศไทยหลายครั้ง และครั้งล่าสุดเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2019
■คำคมที่ชอบ:รู้จักพอเพียง
■หนังสือเล่มโปรด:Nozomu 3311 ni nore ของ Tamayama Saburo และหนังสือธุรกิจต่างๆ
■งานอดิเรก:วิ่งออกกำลังกาย
■เว็บไซต์ที่เข้าดูบ่อยๆ:เว็บข่าวทั้งในและต่างประเทศ
■การใช้เวลาวันหยุด:ยิม และไปเล่นกอล์ฟเป็นต้น
■ร้านประจำในกรุงเทพฯ:ร้านกาแฟใกล้บ้าน
บริษัท Kintetsu Express ซึ่งเป็นบริษัทประเภทลอจิสติกส์ขนาดใหญ่ มีฐานการให้บริการกว่า 860 สาขา ใน 46 ประเทศ มุมมองของบริษัทซึ่งขนส่งสินค้าข้ามเขตแดนทั้งทางบก นํ้า และอากาศจะเป็นอย่างไร
นักเขียน : ยามากุจิ
มาประจำที่ประเทศไทยเป็นครั้งที่สามแล้ว
ครั้งแรกมาเมื่อเดือนกันยายน ปี 1998 ตอนนั้นเข้าทำงานในบริษัทเป็นปีที่ห้า ประจำอยู่ประมาณสองปี เป็นการมาในลักษณะของการดูงาน โดยทำงานกับพนักงานคนไทยดูแลเรื่องการนำสัมภาระเข้า-ออกสนามบิน และงานอื่นๆ ทั่วไป
สมัยนั้นเป็นยุคที่ยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ การติดต่อสื่อสารกับพนักงานคนอื่นๆ ก็จะใช้วิทยุสื่อสาร และเนื่องจากผมไม่รู้ภาษาไทยทำให้การสื่อสารเป็นไปอย่างยากลำบาก เพื่อให้สามารถสื่อเรื่องที่ต้องการได้โดยไม่ติดขัดนั้น คิดว่าออกไปเจอตัวคนที่ต้องการจะสื่อสารด้วยเลยน่าจะเร็วกว่า ผมจึงนั่งมอเตอร์ไซค์ไปหาถึงที่และพูดคุยกันโดยตรง
การที่ได้พูดกับคนไทยโดยตรงทำให้เข้าใจทั้งวิธีคิด และสภาพแวดล้อมของอีกฝ่ายมากขึ้น กระซิบตรงนี้เบาๆ ว่า ที่พวกเขามาทำงานในวันหยุด เป็นเพราะต้องการอยู่ในห้องปรับอากาศเย็นๆ น่ะครับ
ครั้งที่สอง มาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2005 ถึง เดือนมีนาคม ปี 2012 ช่วงนั้นมีการควบรวมกิจการของ Kintetsu Express (Thailand) และ TKK Logistics ทำให้มีการเพิ่มแผนกบริการโกดังสินค้า การขนส่งทางรถบรรทุก และการบรรจุภัณฑ์ ที่กลายเป็นจุดแข็งของบริษัทเราขึ้นมา เพราะถ้าหากรวมเอาการขนส่งทางอากาศและทางเรือเข้ามาด้วย เราก็สามารถให้บริการลูกค้าได้ตั้งแต่การนำเข้าอุปกรณ์ที่ใช้ในโรงงาน การติดตั้ง แยกชิ้นส่วน จัดการวัตถุดิบ ตลอดจนถึงการจัดการสินค้า และส่งออก นับเป็นการบริการที่ครบวงจรอย่างแท้จริง
การเข้ารับตำแหน่งครั้งนี้มีเป้าหมายที่ต้องทำให้สำเร็จอย่างไรบ้าง
เรารวมกิจการกับ TKK Logistics มาได้แปดปีแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่าพนักงานยังต่างคนต่างก็ทำงานไม่เป็นหนึ่งเดียว เพราะเราเป็นบริษัทใหญ่ถึง 1400 คนจึงยากที่จะทำและคิดทุกอย่างไปในแนวทางเดียวกันทั้งหมด แต่ก็หวังว่าทุกคนจะพุ่งเป้าไปที่ความสำเร็จเดียวกัน
ผมมีประสบการณ์การทำงานด้านลอจิสติกส์ในไทยมาก่อน และเป็นคนญี่ปุ่นที่รู้สภาพของบริษัททั้งก่อนและหลังการควบรวมกิจการด้วย จึงพอที่จะเข้าใจทั้ง Kintetsu Express และ TKK Logistics จึงคิดว่าจะเอาประสบการณ์ในอดีตทั้งสองครั้งในประเทศไทย มาใช้ให้เป็นประโยชน์เพื่อทำให้บรรยากาศในบริษัทดีขึ้น และทำให้การทำงานมีความเป็นระบบหนึ่งเดียวกัน
โดยส่วนตัว ผมมองว่าคนไทยมีหลายอย่างที่คิดคล้ายคนญี่ปุ่นทำให้ทำงานร่วมกันง่าย สาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้สื่อสารกันผิดพลาดก็คือการที่คนญี่ปุ่นเอาแต่พูดความเห็นของตัวเอง โดยไม่เคารพความคิดเห็นของอีกฝ่าย ไม่ว่าจะทำงานในตำแหน่งอะไร ผมคิดว่าการพูดคุยกันโดยมีความเท่าเทียมก็จะทำให้เกิดความเข้าใจกันขึ้นมาในที่สุด เพราะไม่ว่าใครก็มีตรรกะของตัวเอง ก่อนอื่นควรที่จะรับฟังกันก่อน
ถามเรื่องกลยุทธ์การทำธุรกิจ
ผลประกอบการของบริษัทเราจะขึ้นอยู่กับบริษัทที่ทำการส่งออกเป็นหลัก โดยเฉพาะการส่งออกพวกอะไหล่เครื่องจักรต่างๆ ที่มีการส่งออกมากเป็นพิเศษ มีแนวโน้มที่จะลดลงจึงต้องหาลูกค้าหลักจากประเภทอื่นๆ มาเพิ่มให้ได้
และทำให้ปัจจุบันนี้เราจึงหันมาให้ความสำคัญกับบริษัทนำเข้าสำหรับลูกค้าในไทย ประเทศไทยนั้นเป็นประเทศที่เน้นการส่งออก และการนำเข้าวัตถุดิบเพื่อการผลิตก็กำลังไปได้ดีเช่นเดียวกัน เพียงแต่ถ้าเราเข้าถึงลูกค้าที่อยู่ต้นทางของการผลิตได้ ไม่นานก็จะมีโอกาสได้ทำธุรกิจกับบริษัทส่งออกเหล่านั้น
ตอนอยู่ญี่ปุ่น ผมทำงานด้านการนำเข้ามานาน มีความมั่นใจในประสบการณ์ของตัวเอง เกี่ยวกับกลยุทธ์ของธุรกิจการนำเข้า จึงนำมาเผยแพร่ให้กับพนักงานในบริษัทเพื่อที่จะได้นำมาปรับใช้ต่อไป
อีกทั้งยังคิดไปถึงเรื่องการนำเน็ตเวิร์คระหว่างประเทศซึ่งเป็นจุดแข็งของเรามาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการติดต่อค้าขายระหว่างบริษัทในเครือของเรากับบริษัทในแถบยุโรปและอเมริกา เพื่อเป็นการเชื่อมต่อธุรกิจระหว่างประเทศซึ่งจะเป็นบริการใหม่ของเรา
ร่วมงานพิธีทำบุญครบรอบวันก่อตั้งบริษัทซึ่งจัดขึ้นวันที่ 28 มิถุนายน