ตอบโจทย์คนไทยด้วยการทำให้อาหารญี่ปุ่นอยู่ใกล้ตัวมากขึ้น
Executive Vice President – Food Division : คุณ ไพศาล อ่าวสถาพร
OISHI GROUP ชื่อนี้คนไทยรู้จักกันดีจากร้านอาหารญี่ปุ่นและชาเขียว ด้วยส่วนแบ่งตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่ง และชาเขียวที่ครองส่วนแบ่งในตลาดเครื่องดื่มชนิดเดียวกันถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์ เราจึงเข้าพบและพูดคุยถึงเคล็ดลับความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจนี้ รวมถึงเรื่องราวความเป็นมาตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทกับคุณไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหาร บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
เริ่มทำธุรกิจเครื่องดื่มหรือร้านอาหารก่อนกัน
– เราเริ่มจากการเปิดร้านบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นเมื่อปี 1999 ในตอนนั้นอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยยังมีราคาแพงมาก ถึงจะมีความสนใจแต่ก็ไม่สามารถที่จะไปรับประทานได้บ่อยนัก การทำร้านในรูปแบบบุฟเฟต์และคิดราคาที่ไม่แพงเกินไปนักทำให้ร้านของเราได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ทำให้เราคิดจะเข้ามาทำธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นอย่างจริงจัง
สำหรับเครื่องดื่มชาเขียว เมื่อยี่สิบปีที่แล้วก็มีราคาแพงและหาซื้อยาก การที่เรานำมาขายสำหรับลูกค้าร้านอาหารของเราทำให้คนไทยสนใจที่จะดื่มชาเขียวมากขึ้น เราจึงเริ่มทำธุรกิจเครื่องดื่มชาเขียวบรรจุขวดโดยเริ่มขายตามร้านสะดวกซื้อเป็นอันดับแรกในราคาขวดละ 30 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ค่อนข้างแพง แต่ก็ได้รับความนิยม มาถึงตอนนี้เรามีเครื่องดื่มชาเขียวหลากหลายกลิ่นและรสให้เลือก ถือว่าเป็นสินค้าที่คนไทยคุ้นเคยกันดีในปัจจุบัน
ถามถึงจุดเปลี่ยนของบริษัท
– เริ่มจากที่ CEO คนแรกซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งได้นำบริษัทเข้าตลาดหุ้น ทางบริษัทไทยเบฟจึงได้เข้าซื้อหุ้น 65% หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ซื้อเพิ่มเป็น 100% เป็นบริษัทลูกของไทยเบฟโดยสมบูรณ์ ตอนที่เข้าตลาดหุ้นแรกๆ บริษัทมีมูลค่าสองพันล้าน ในปัจจุบันมีมูลค่าถึงหมื่นห้าพันล้านเพิ่มขึ้นถึงเจ็ดเท่า เนื่องจากไทยเบฟมีบริษัทในเครือหลากหลายอยู่แล้ว การจัดการต่างๆก็สะดวกมากขึ้น ง่ายต่อการขยายธุรกิจออกไปอีก
และอีกเรื่องก็คือ โอกาสที่ได้ทำงานกับคนญี่ปุ่น ตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจมาก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่มชาเขียวมาตลอด แต่บริษัทของเราไม่เคยทำงานกับคนญี่ปุ่นเลย แต่เมื่อสองปีที่แล้วเราได้เริ่มใช้เอเจนซี่จากญี่ปุ่น ให้พวกเขาทำการรีเสิร์ชข้อมูลเรื่องเกี่ยวกับเทรนด์อาหารของคนญี่ปุ่น รวมไปถึงเทคนิคการทำอาหารต่างๆ
คิดว่าจุดแข็งของบริษัทคืออะไร
– เราให้ความสำคัญกับเรื่องแบรนด์เป็นพิเศษ นอกจากจะต้องคิดอะไรใหม่ๆ ออกมาไม่ให้ซํ้าซากแล้ว เรายังยึดมั่นการทำธุรกิจแบบญี่ปุ่นคือต้องมีคุณธรรม จริยธรรม ต้องมอบสิ่งที่ดีและคุ้มค่าที่สุดให้แก่ลูกค้าในราคาที่เป็นธรรม
ปัจจุบันเราเริ่มให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี เพราะตระหนักดีว่าเทคโนโลยีจะทำให้ความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไป อย่างเช่น ต่อไปเราอาจจะใช้ Ai หรือหุ่นยนต์ในโรงงานหรือร้านอาหารไปจนถึงพนักงานดูแลร้าน อาจจะได้เห็นร้านที่ไม่มีพนักงานที่เป็นมนุษย์เลยก็ได้
และหลายปีมานี้ เรามีการให้ลูกค้าส่งคูปองมาเพื่อชิงโชครางวัลไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นฟรีๆ เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นด้วย โดยมีผู้โชคดีจากทั้งที่เป็นลูกค้าเครื่องดื่มชาเขียวและร้านอาหาร แบ่งเป็นเครื่องดื่มชาเขียวเราส่งไปเที่ยว 150 คนต่อปี และส่วนร้านอาหารอีก 300 ~ 400 คน บริการแบบนี้หาไม่ได้จากที่อื่นแน่นอน
และสำหรับโครงการในอนาคตก็คือเราต้องการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก เนื่องจากคนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นกันมากขึ้น ทำให้รู้จักอาหารญี่ปุ่นและวัฒนธรรมญี่ปุ่นมากขึ้น พฤติกรรมการบริโภคก็เปลี่ยนไป เราจึงต้องพัฒนาคุณภาพตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ให้ได้ใกล้เคียงกับประเทศญี่ปุ่นมากที่สุด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีโอกาสได้ทำงานร่วมกับบริษัทญี่ปุ่นในอนาคตครับ
ถามถึงกิจกรรมยามว่าง การพักผ่อนในวันหยุด
– วันหยุดถ้ามีเวลาว่างก็จะไปรับประทานอาหารนอกบ้านและเดินซื้อของตามห้างฯ เพราะเป็นการสำรวจตลาดและพฤติกรรมการซื้อของคนอื่น แล้วก็ชอบเดินทางท่องเที่ยวครับ เมื่อก่อนผมไปญี่ปุ่นบ่อยมากประมาณเดือนละหนึ่งครั้ง การที่เราไปเที่ยวเปิดรับมุมมองที่แปลกใหม่บ้างก็เป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่ง ช่วงนี้ผมจึงเดินทางไปยุโรปบ่อยขึ้นเพื่อสำรวจความเปลี่ยนแปลงครับ
งานอดิเรกคือสะสมเนคไท แต่ปัจจุบันเราอยู่ในเทรนด์รักษ์โลกและต้องประหยัดพลังงานก็เลยไม่ค่อยได้ใส่ แต่ก็ซื้อสะสมมาเรื่อยๆ จนตอนนี้มีเกือบจะ 500 เส้นแล้ว ที่ชอบก็เพราะคิดว่าเนคไทเป็นสิ่งที่บ่งบอกลักษณะเฉพาะและนิสัยของคนที่ใส่ได้เป็นอย่างดี
การไปเที่ยวและสำรวจตลาดไปด้วยเปรียบเสมือนการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว และยังเป็นการรีเฟรชร่างกายอีกด้วย
– รายละเอียดบริษัท –
ชื่อบริษัท: OISHI GROUP
โทร:02-768-8888
ที่อยู่: 36th Fl., CW TOWER, 90 Ratchadaphisek Rd., Huai Khwang, Bangkok 10310
URL: www.oishigroup.com