「ทำให้โลกใบนี้มีความสุขด้วยอาหาร!」
《โปรไฟล์》
Managing Director
Yanagimoto Takao
ยานางิโมะโตะ ทะคะโอะ
■เกิดเมื่อปี 1986 ที่จังหวัดเฮียวโงะ เข้าทำงานในบริษัท TEPPEN เมื่อปี 2008 และในปี 2016ก็ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งในปัจจุบัน
■คำคมที่ประทับใจ: เชื่อในความเป็นไปได้ที่ไม่สิ้นสุด
■หนังสือที่ชอบ: 23 ข้อที่สำคัญในการเป็นผู้นำ (リーダーとして大切な23項目)
■บุคคลที่นับถือ: คุณพ่อ, Oshima Keisuke, Masayoshi Son
■งานอดิเรก: ตกปลา, ท่องเที่ยว, อ่านหนังสือ
■ร้านในกรุงเทพฯที่ไปเป็นประจำ: ไปเยี่ยมเยือนหลายๆ
ร้านที่เกี่ยวกับสายงาน
■เว็บไซต์ที่เข้าหรือใช้เป็นประจำ: news picks
“จะทำให้ญี่ปุ่นมีชีวิตชีวาด้วยอิซากายะ”
คือแนวคิดของร้านน้องใหม่ในขณะนั้นอย่าง “TEPPEN”ที่เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี2004ในกรุงโตเกียว วิธีการปลุกใจอย่างจริงจังก่อนเริ่มงานในตอนเช้าได้รับความสนใจจากหลายๆด้าน ปัจจุบันจึงมีร้านสาขาและธุรกิจแยกออกมาทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลกกว่า200ร้าน โดยเราได้สัมภาษณ์คุณยานางิโมะโตะ กรรมการผู้จัดการบริษัท TEPPEN ในไทยเกี่ยวกับการมองสถานการณ์หลังจากนี้ในสภาพปัจจุบันและความผันผวนของวงการอาหารและเครื่องดื่มในกรุงเทพฯ
เข้าสู่ตลาดในประเทศไทยมาเป็นเวลา 6 ปีแล้ว
เราก่อตั้งบริษัทในประเทศไทยเมื่อปี 2013และในเดือนมิถุนายนปีเดียวกันได้ก็เปิดให้บริการร้าน “TEPPEN” สาขาแรกที่เอกมัย ในปีถัดมาเปิดให้บริการร้าน Touka ที่ศาลาแดง ซึ่งรูปแบบของร้านจะต่างจากร้าน TEPPEN โดยร้านนี้จะเป็นร้านอิซากะยะปิ้งย่างเสียบไม้
ในปี 2017 เปิดสาขาที่สาทร
ปี 2018 เปิดสาขาใหม่ที่ฟู้ดคอร์ทในห้างสรรพสินค้า Siam Takashimaya(@ICONSIAM)
และในปี 2019 ได้ทำการขยายสาขาอีก 10 สาขาที่ทองหล่อ เมกะบางนา ฯลฯ
ตัวผมได้เข้ามาบริหารงานที่บริษัทในประเทศไทยในฐานะกรรมการผู้จัดการตั้งแต่ปี 2016 สิ่งที่ผมคำนึงถึงเป็นอันดับหนึ่งมาตั้งแต่แรกเลยก็คือ ความไว้วางใจซึ่งกันและกันกับพนักงาน
ผมคิดมาตลอดว่าจะทำอย่างไรให้พนักงานหันหน้าพูดคุยกันและสามารถทำงานได้อย่างมีความสุข
อีกทั้งเรื่องการแสดงให้พนักงานเห็นถึงการประเมินเงินเดือนที่เข้าใจได้ง่ายก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน การทำสิ่งเหล่านี้อย่างต่อเนื่องจะทำให้ทุกคนรู้จักรับฟังซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี
ไปเปิดสาขาที่ฟู้ดคอร์ทด้วย?
ใช่ครับ นอกจากหน้าร้านแล้ว เรายังไปเปิดสาขาในฟู้ดคอร์ทด้วยเป็นการพยายามปรับรูปแบบของร้านเราให้เข้ากับวัฒนธรรมของประเทศไทยมากขึ้น โดยเรามุ่งมั่นที่จะเป็นร้านที่มีตัวตนอยู่ในทุก ๆที่ไม่ว่าจะที่ไหนในประเทศไทยครับ ถึงแม้ผมจะตั้งเป้าไว้ว่า “เปิด TEPPEN Group ให้ได้ 100 สาขาในไทย”
แต่เมื่อไปลองคิดดูอย่างถี่ถ้วนแล้ว ผมมีเพียงแค่ความปรารถนาอันเรียบง่ายที่“อยากทำให้ทุกคนที่มาที่ร้านนั้นมีความพึงพอใจ อยากส่งต่อรอยยิ้มและความซาบซึ้งนี้” ผมคิดว่าภารกิจของผมคือ การดูแลให้พนักงานมีความคิดที่ว่านี้เพิ่มขึ้นแม้จะเพียงแค่คนเดียวก็สามารถทำให้ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในประเทศไทยนั้นคึกคักขึ้นครับ
ปัญหาสำหรับการทำให้ร้านอาหารที่เข้าสู่ตลาดในไทยนั้นประสบความสำเร็จคือ…
ผมรู้สึกว่ามันไม่เกี่ยวว่าเป็นประเทศไหน แต่สิ่งที่ผมคิดว่าสำคัญก็คือ “บุคลากร การตลาด การจัดส่งกระจายสินค้า” ครับ
สำหรับเรื่องการสรรหาบุคคลนั้นก็อย่างที่ผมได้กล่าวไปบ้างแล้วในข้างต้นว่าจุดที่ผมให้ความสำคัญคือเรื่องที่ว่าจะทำอย่างไรเพื่อปลุกใจให้พนักงานคึกคักขึ้นมา จะทำอย่างไรให้พนักงานรู้สึกสนุกสนาน ซึ่งเราจะใช้วิธี
“การปลุกใจอย่างจริงจังก่อนเริ่มงานในทุกเช้า”เป็นกล่าวสุนทรพจน์หรือกล่าวทักทายอย่างสุดกำลัง เพื่อเป็นการปลุกใจและให้พนักงานพูดคุยกันด้วยความรู้สึกสนุกสนาน
พอเราทำแบบนี้แล้วทุกคนก็จะมีชีวิตชีวา มีพลังงานที่เต็มเปี่ยมและสามารถต้อนรับลูกค้าได้ด้วยความพร้อม 100% ตั้งแต่เปิดร้านครับ
ด้านการทำการตลาด เช่น การทำความเข้าใจถึงความต้องการของคนไทยอย่างถ่องแท้ ตั้งแต่คอนเซ็ปต์ไปจนถึงการเลือกทำเลที่ตั้งของร้านหรือแผนการส่งเสริมการขายนั้นก็เป็นตัวการที่สำคัญที่จะส่งผลว่าร้านจะประสบความสำเร็จหรือความล้มเหลว
ในด้านบุคลากรนั้นไม่ใช่เพียงจ้างงานแค่คนที่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้อย่างเดียว แต่ต้องลงทุนจ้างงานคนที่มีทักษะและประสบการณ์การทำงานที่โดดเด่นด้วย
ส่วนในด้านการจัดส่งกระจายสินค้านั้นต้องมีความรู้ในการที่จะเลือกใช้ของที่นำเข้าจากต่างประเทศและของที่สามารถซื้อได้จากในท้องถิ่นนั้น ๆอย่างไรให้เหมาะสม เนื่องจากมีเครื่องปรุงบางอย่างที่มีอยู่จำกัดและไม่ค่อยมีขายตามท้องตลาดด้วย การเก็บรวบรวมข้อมูลและเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่สามารถไปสอบถามได้อย่างสม่ำเสมอนั้นก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน
ในช่วงนี้การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นนั้นส่งผลให้อาหารญี่ปุ่นเป็นที่ต้องการมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ทางด้านร้านค้าเองก็ต้องปรับปรุงแก้ไขและเก็บเอาแต่สิ่งดีๆมาพัฒนาตัวเองเช่นกัน
มีการส่งเสริมร้านอาหารและเครื่องดื่มที่รุกตลาดต่างประเทศอย่างไร?
บริษัทได้ดำเนินธุรกิจที่สนับสนุนการรุกเข้าสู่ตลาดใหม่ในภูมิภาคอาเซียนโดยพิจารณาถึงการเปิดร้านที่ต่างประเทศและการขยายหน้าร้านต่างๆ ภายใต้สโลแกนที่ว่า “ทำให้โลกใบนี้มีความสุขด้วยอาหาร”
ในกรณีของการทำธุรกิจร้านTEPPENร่วมกับองค์กรไทยเองก็ได้มีการพัฒนาให้เกิดเฟรนไชส์ขึ้นและได้ทำสัญญาระหว่างร้านเฟรนไชส์กับหลายๆบริษัท
การที่เราทำร้านเฟรนไชส์ขึ้นเพราะต้องการที่จะให้ร้านอาหารและเครื่องดื่มของญี่ปุ่นรุกเข้าตลาดไทย โดยอยากจะใช้โครงสร้างของร้านTEPPENเป็นวิธีที่นำไปสู่การพัฒนาตลาด และอยากทำในสิ่งท้าทายไปเรื่อยๆ
ผมคิดว่าการที่จะสามารถทำหน้าที่เป็นผู้นำแบบนั้นได้ เราต้องทำสัญญากับคู่ค้าที่มีความมุ่งมั่นไปในทิศทางเดียวกันและมีความรู้สึกร่วมไปกับแนวคิดของเรา
คาดการสถานการณ์หลังจากนี้อย่างไร?
ส่วนที่สำคัญก็คือความสามารถในการให้บริการของร้านTEPPENที่“สร้างความประทับใจด้วยความคิดสร้างสรรค์” ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้มุ่งไปสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
เรายังอยากให้ผู้คนได้รับความพึงพอใจผ่านตัวอาหารญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้เราจึงอยากจะเซอไพรส์ลูกค้าด้วยอาหารและบริการที่เต็มไปด้วยความจริงใจ ทำให้ทุกๆวันเป็นไปด้วยความสุขกายและดีต่อสุขภาพ
อีกทั้งเรายังนำเสียงวิจารณ์ของลูกค้าแก้ไขจุดบกพร่องของเราอยู่เสมอเพื่อเป็นโอกาสในการพัฒนาไม่ว่าจะเป็นจุดที่ดีหรือจุดที่แย่แค่ลูกค้าบอกมาก็มีความสุขแล้ว ทุกความคิดเห็นที่ได้รับมาเปรียบเสมือนเครื่องยนต์ที่กระตุ้นให้เรามีความพากเพียรมากขึ้น
「คุณยานางิโมะโตะและคุณโอชิมะผู้ริเริ่มกิจการ (ด้านซ้าย)พวกเราอยากจะ『ทำให้โลกใบนี้มีความสุขจากอาหาร』」(คุณยานางิโมะโตะ)